ร้านอาหารอิตาเลียน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแคว้นอาบรุซโซ แห่งประเทศอิตาลี ใจกลางย่านสุขุมวิท
หากใครที่กำลังมองหาที่ check-in เก๋ๆ ให้บรรยากาศเสมือนหลุดมาจากยุโรป ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ เราแนะนำว่าจะต้องไม่พลาดร้านอาหารอิตาเลียน “L’oliva Ristorante Italiano & Wine Bar” ที่ซุกซ่อนอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมืองใน ซอย สุขุมวิท36 ซึ่งได้แรงบันดาลใจและอิทธิพลจากแคว้น Abruzzo (อาบรุซโซ) แห่งประเทศอิตาลี ให้บริการทั้งอาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิม ที่ถูกคัดสรรวัตถุดิบด้วยความพิถีพิถัน ผสมผสานส่วนประกอบจากแคว้นอาบรุซโซและไทยเข้าด้วยกันอย่างลงตัวในแบบเฉพาะไม่เหมือนใคร รังสรรค์โดยคุณ Nicolono Pasquini ผู้ซึ่งเกิดและเติบโตในแคว้นอาบรุซโซ และคุณ Sutasanee Karnasuta ที่มีประสบการณ์ในแวดวงร้านอาหารมากกว่า 30 ปี
“From Abruzzo Countryside to Bangkok” อาบรุซโซเป็นแคว้นหนึ่งของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ห่างกรุงโรมไปทางทิศตะวันออก ที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ติดกับชายฝั่งทะเลและส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยป่าไม้ ส่งผลให้วัตุดิบมีความหลากหลาย อาหารพื้นบ้านหลักๆคือพวก ขนมปัง พาสต้าและเนื้อ หรือที่มีชื่อเรียกว่า “Abruzzese”
เมนูส่วนใหญ่ได้รับแรงบันดาลใจจากแคว้นอาบรุซโซ โดยครอบครัวของคุณ Nicolono Pasquini นั้นเป็นคนจากแคว้นอาบรุซโซเป็นทุนเดิม วัตถุดิบต่างๆใช้ของอิตาเลียนคุณภาพสูง ผสมผสานกับวัตุดิบของไทยชั้นดี ทำให้เกิดรสชาติอาหารในรูปแบบเฉพาะของทางร้าน และชื่อ “L’oliva” หรือ olive นั้นก็ได้แรงบันดาลใจมาจากตัวเขาอีกเช่นกัน เนื่องจากคุณ Nicolono Pasquini เติบโตมากับโรงบ่มไวน์ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยต้น olive นั่นเอง
ภายนอกร้านโดดเด่นด้วยกันสาดสีดำล้วน ประกอบเข้ากับกำแพงกระจกและโครงไม้ ดึงดูดสายตาแม้มองจากไกลๆ บริเวณด้านหน้ามีลานจอดรถที่สามารถรองรับผู้มาใช้บริการได้อย่างเพียงพอ ด้านข้างจะเป็นสนามหญ้า ให้บรรยากาศเหมือนกับลานพักผ่อนหลังบ้านที่เหมาะกับการทำกิจกรรมหรือจัดงานกลางแจ้ง
ภายในตัวร้านได้แรงบันดาลใจจากร้านอาหารพื้นเมืองดั้งเดิมของอิตาลี แบ่งออกเป็น section ต่างๆ ให้ mood แตกต่างกันกันอย่างชัดเจน เมื่อเดินเข้าไปจะเจอกับบริเวณ lounge ทางด้านซ้ายมือ ให้ความรู้สึกสบายๆ สามารถนั่งชิลเพลิดเพลินไปกับเมนู cocktails และเครื่องดื่มอีกมากมาย บริเวณด้านขวามือ ตกแต่งด้วยม้านั่งไม้ ยาวเป็นแนวเดียวไปกับกำแพงกระจก ได้รับแสงธรรมชาติจากภายนอก เหมาะกับการนั่งรับประทานอาหารเป็นกลุ่มใหญ่ไม่ว่าจะกับเพื่อนหรือครอบครัว ถัดเข้าไปข้างในก็จะได้บรรยากาศที่แตกต่างไปอีกแบบ ด้วยการกั้นด้วยกำแพงสีขาวทึบเป็นส่วนใหญ่ ประดับด้วยรูปวาดหลากหลาย แสงสลัวๆฟีล romantic เหมาะสำหรับคู่รักและการฉลองเทศกาลสำคัญต่างๆ
หากใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวขึ้นมา หน่อยทางร้านมีให้บริการ private zone ในรูปแบบของ chef table ภายใต้ห้องเรือนกระจก สามารถเพลิดเพลินไปกับแสงธรรมชาติและวิวสนามหญ้าได้อย่างสบายใจ ในช่วงค่ำก็จะให้บรรยากาศหรูหราไปอีกแบบครับ
นอกจากอาหารอิตาเลียนที่คับแน่นไปด้วยคุณภาพ ทางร้านก็ขึ้นชื่อเรื่อง Wine ไม่แพ้กัน โดยที่นี่จะเป็น Wine Bar ตั้งอยู่ในใจกลางร้าน ซึ่งมี Wine ให้เลือกมากมายหลากหลาย ส่งตรงมาจากอิตาลีและแคว้นอาบรุซโซ ซึ่งโด่งดังในเรื่องการผลิตและส่งออกไวน์คุณภาพดีมาอย่างยาวนาน
หนึ่งในจาน Chef Recommended ของทางร้านที่เมื่อมาแล้วต้องลิ้มลองให้ได้เลยก็คือ “Mortadella E Pistacchio” (440 thb) พิซซ่าแป้งบางกรอบ ท็อปด้วย Mortadella หรือไส้กรอกอิตาเลียนขนาดใหญ่เป็นหลัก, ชีสนม Fior di Latte, Mascarpone หรือครีมชีสของอิตาลี ที่จะให้รสชาตินัวๆ ไม่ออกเปรี้ยว และปิดท้ายด้วยถั่ว Pistachio ด้านบน รสชาติเข้ากันได้ดี แป้งไม่หนักหรือเลี่ยนเกินไป และได้กลิ่นหอมของ pistachio อ่อนๆอีกด้วยครับ
ต่อด้วย “Risotto Allo Zafferano Con Salsiccia” (400 thb) ข้าวผัดสไตล์อิตาเลียน ใช้หญ้าฟรั่น ให้สีเหลืองธรรมชาติกับตัวข้าว, ไส้กรอกอิตาเลียน และ Parmesan cheese หากใครที่ชอบทานเมนู Risotto ต้องไม่พลาดจานนี้เลยครับ ตัวข้าวทางร้านตั้งใจทำให้ไม่เละจนเกินไป ซึ่งค่อนข้างต่างจากที่อื่นที่เราเคยทาน ยังได้รับ texture ของตัวข้าวอยู่ในระดับหนึ่งและรสชาติก็ไม่เลี่ยนเกินไปครับ
เมื่อมาถึงร้านอาหารอิตาเลียนแล้ว Spaghetti ก็เป็นอะไรที่เราจะพลาดไปไม่ได้เช่นกัน จานที่เราเลือกมาในวันนี้มีชื่อว่า “Chitarrina Alla Termana Con Pallottine” (420 thb) จานนี้จะเป็นอาหารในแบบของอาบรุซโซแบบแท้ๆ ความพิเศษตัวเส้นของที่นี่คือเป็นเส้น Homemade สดใหม่ทุกจาน คลุกเคล้าเข้ากับซอสมะเขือเทศและ meatballs คำโตๆ
และสำหรับใครที่เป็นสาย Vegan ที่ร้านก็มีเมนูเฉพาะให้บริการเช่นกันครับ หนึ่งในเมนูสำหรับคนรักสุขภาพในวันนี้คือ “Parmigiana Di Melanzane” (350 thb) โดยจะมี Eggplant, Toamato Sauce, Mozzarella Cheese และ Parmesan cheese เป็นส่วนผสมหลักครับ
ปิดท้ายกันด้วยของหวาน เมนูสุดพิเศษที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยผู้ร่วมก่อตั้งร้านอย่าง “Cannoli Abruzzi” (220 thb) ขนมแป้งทอดของอิตาลี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ลักษณะจะเป็นแป้งกรอบๆด้านนอก สอดไส้ด้วยส่วนผสมของ Ricotta และ Mascarpone Cream รสชาติไม่หวานเกินไป นัวๆกำลังพอดี มีตัวส้มท็อปอยู่ด้านบนส่วนหนึ่ง และผลไม้สด เมื่อทานคู่กันจะได้รสชาติเปรี้ยวอมหวานอร่อยไปอีกแบบครับ
หากใครที่เป็นสาย Cafe ชอบทานขนมหวานและเครื่องดื่มที่ไม่ซ้ำใคร ในบริเวณร้าน “L’oliva Ristorante Italiano & Wine Bar” ก็มีให้บริการในส่วนนี้โดยเฉพาะเลยครับ ตัวร้านจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ชื่อว่า “Caffe Olives” เป็นห้องสีขาวขนาดกะทัดรัด แต่ดึงดูดสายตาด้วยการตกแต่งแบบเรียบๆ คอนทราสกับส่วนบริเวณร้านหลัก เหมาะสำหรับการถ่ายรูปชิคๆ รับรองว่าถ้าใครมาเช็คอินที่นี่ นอกจากจะได้ทานอาหารอิตาเลียนแท้ๆ รสชาติและวัตถุดิบคุณภาพสูงแล้ว ต้องได้รูปภาพสวยๆไม่ตกเทรนด์กลับไปหลายรูปหลายมุมเลยล่ะครับ
TAKEOFF GUIDE
- Mortadella E Pistacchio - Risotto Allo Zafferano Con Salsiccia
- Cannoli Abruzzi
PRICE RANGE
฿ ฿ ฿
TEL
094 858 9868
MORE INFO
Facebook
HOURS
จันทร์ - อาทิตย์ : 11.30 - 14.30
และ 16.30 - 22.30
DIRECTION
Map
NEARBY
BTS Thonglor
FACILITIES
- Car Park