The Expedition - การตีความคอร์สอาหาร ผ่านประสบการณ์และการการเดินทางของปัจเจกบุคคล
วันนี้ได้โอกาสมาทาน Tasting Menu ใหม่ของร้าน Karmakamet Conveyance ครั้งนี้นับเป็น Season ที่ 3 ของเชฟส้ม-จุฑามาศ เทียนแท้ ผู้สร้างสรรค์เมนูอาหารที่ไร้กฏเกณฑ์ ไม่มีแม้แต่ชื้อเมนู หรือวิธีการทาน เพราะเชฟอยากให้ทุกคนสามารถตีความได้จากประสบการณ์ของตัวเอง โดยไม่ต้องถูกตีกรอบใดใด เนื่ิองจากรอบนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เราได้มีโอกาสมาทานคอร์สอาหารที่นี่ วันนี้เลยจะนำเสนอเป็นบทสัมภาสษ์สั้นๆ ของเชฟส้ม ที่เราได้มีโอกาสพูดคุยหลังจากจบคอร์สอาหาร เพราะคอนเซ็ปของอาหารคอร์สนี้คือ “The Expedition” ที่เกิดจากประสบการณ์การเดินทางของเชฟ โดยที่เชฟอยากจะแชร์การเดินทางของเชฟผ่านเมนูเหล่านี้ และอยากให้เราตีความรสชาติ ความรู้สึก ความคิด ผ่านประสบการณ์การเดินทางของตัวเองเช่นกัน เพราะทุกคนต่างมีเรื่องราวที่แตกต่างกัน และทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนดีเสมอ
ร้านนี้เรามองว่าเป็นร้านที่มีองค์ประกอบรวมดีเป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ เพราะไม่ใช้แค่อาหาร แต่การตกแต่งร้าน วัสดุที่ใช้ รายละเอียดต่างๆ ล้วนล้อไปเป็นเรื่องเดียวกันกับคอนเซ็ปของคอร์สอาหาร เป็นการร้อยเรียงเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับใครที่หลงไหลในเรื่องราวแบบนี้ เรารับรองว่าไม่ผิดหวังครับ
เป็นร้านแรกที่เราคงไม่สามารถมานั่งรีวิวอธิบาย อาหารแต่ละคอร์สได้ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของคอร์สนี้คือการได้ลองชิมอาหารและตีความผ่านประสบการณ์การเดินทางของตัวเองนั่นเอง ในคอร์สเดียวกันเราอาจจะย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่แตกต่างกันก็ได้ โดยที่เชฟจะไม่มาตีความใดใดให้เราฟังเลย ซึ่งเรามองว่ามันทำให้คอร์สอาหารของที่นี่มีเสน่ห์มากๆ
เราเริ่มบทสนทนาด้วยการให้เชฟเล่าที่มาของร้านแห่งนี้เชฟส้มเล่าว่า “ตัวเองเป็นเชฟมาตั้งแต่ปี 1998 เมื่อตอนเด็กๆ มีเพื่อนรักคือ คุณเอท-ณัทธร รักษ์ชนะ ผู้ก่อตั้ง Karmakamet นัั่นเอง เป็นเพื่อนกันมา 35 ปี ตั้งแต่อายุ 15 ปี เรียนศิลปะด้วยกัน คุยกันตั้งแต่เด็กๆ ว่าโตขึ้นเราอยากทำร้านอาหารด้วยกัน เมื่อเติบโตขึ้นมามันก็ถึงเวลาที่เราจะได้เปิดซักที โดยใช้ชื่อ Karmakamet ซึ่งเป็นชื่อแบรนด์ของเพื่อนเราและต่อท้ายด้วย Convayance”
เส้นทางการเดินทางในสายอาชีพเชฟ
จากเส้นทางจากศิลปะ ผันตัวมาเป็นเชฟ เชฟส้มเล่าว่า “จริงๆ ชอบทำอาหารตั้งแต่เริ่มแรก แต่ไม่มีโอกาสได้เรียนด้านอาหาร เพราะที่บ้านสนับสนุนให้เรียนศิลปะ จนวันนึงเราเรียนจบเราก็ลองใช้ชีวิตเป็น Artist แล้วเราก็ไม่รอด เราก็มมานั่งคิดว่าตอนนี้ชีวิตเราเป็นอิสระแล้ว เราเรียนจบ ไม่ต้องมีใครมา control เรา เราก็เลยทำอาหารเลย และเราก็รู้สึกว่ามันง่าย เพราะด้วยความที่เราเรียน Fine Arts มันก็ง่าย เพราะความละเอียด ความซับซ้อนในหัวเรา และการที่เราสังเกต เพราะเราว่ามันเป็นทักษะคล้ายๆ กัน เราคิดว่าการเป็นเชฟ มันประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ ความคิดสร้างสรรค์ แรงงาน และความมีวินัย ซึ่งในการทำงานศิลปะ มันก็ประกอบไปด้วยสิ่งเหล้านี้เหมือนกัน คล้ายๆกัน”
สิ่งที่จุดประกายให้สร้างสรรค์คอร์ส “The Expedition” นี้
“คอนเซ็ปของคอร์สนี้คือ เราชอบไปนู้นมานี้ตั้งแต่เด็ก อยู่เฉยๆไม่ได้ และส่วนใหญ่จะไปคนเดียว ทำคนเดียวแม้ว่าจะเป็นคนมีเพื่อนเยอะ แต่ก็ชอบไปคนเดียว นั่งรถไฟคนเดียว แล้วเราก็คิดเยอะ เลยรู้สึกว่าเราก็อยากให้ทุกคนมีเรื่องราวของตัวเอง โดยไม่ต้องโดนล้อมกรอบจากความคิดของคนอื่น เราก็เลยทำคอร์สนี้ ตั้งใจว่านี่คือการเดินทางของฉัน แต่คุณต้องตีความหมายเอาเอง เราไม่ได้มองว่าอาหารจะต้อง Approach มันด้วยวัตุดิบเท่านั้น หรือต้องตีว่ามันเป็นอาหารสัญชาติใดใด อันนี้เราอยาก Approach ในแบบว่า ทำไมไม่ลองเป็นอิสระทางความคิดดูละ อยากจะตีความแบบไหนก็ได้ อยากจะทานแบบไหนก็ทาน ผ่านประสบการณ์ของแต่ละคน”
สิ่งที่อยากบอกผู้ที่สนใจจะมารับประสบการณ์อาหารคอร์สนี้
จริงๆแล้ว ก็มาแล้วคิดว่าออกมาทานข้าวกับเพื่อนมีความสุขกับการใช้เวลาอยู่กับเพื่อน แล้วให้อาหารเป็นเพียงส่วนประกอบที่จะร่วมสร้าง moment ใหม่ของเรา ไม่ต้องคิดหรือมีความคาดหวังมาก่อน ให้มันจะเป็นเรื่องใหม่ของเรา เป็น Moment ใหม่ในชีวิต
HOURS
จันทร์ - เสาร์ : 18.00 - 23.00
DIRECTION
Map
NEARBY
Sukhumvit 49 alley
FACILITIES
- Car Park at Pizza Massilia Sukhumvit